โฆษณาน่่าสนใจ-ช่วยคลิ๊กให้ด้วยครับ เพราะเจ้าของบล็อกจะได้รับค่าโฆษณาตอบแทนครับ

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ทุกข์ของวันนี้ก็มากพอแล้ว



ทุกข์ของวันนี้ก็มากพอแล้ว

นาฬิกาที่ศาลาวัดตีบอกเวลา ๒ ทุ่ม สีกาวัยกว่า ๕๐ ปี นั่งพับเพียบพนมมืออยู่หน้าหลวงพ่อ เธอมีสีหน้าแววตาที่เศร้าหมองทุกข์ระทมนัก แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า

"หลวงพ่อเจ้าขา อิฉันทุกข์เหลือเกินเจ้าค่ะ"
"ลูกแบกทุกข์อะไรไว้นักหนาเล่า?" หลวงพ่อถาม
"ก็ครอบครัวอิฉันซิเจ้าคะ อะไรๆก็ดูแย่ไปเสียหมด...”
เธอหยุดชั่วครู่ คล้ายว่ามีลูกอะไรมาตันอยู่ที่ลำคอ จนพูดไม่ออก

"ตั้งแต่สามีอิฉันตายไป ก็เหมือนหมดสิ้นทุกๆอย่าง ธุรกิจที่เขาทำไว้ก็ถูกเพื่อนๆของเขาโกงเอาไปหมดเลย ทั้งบ้าน ทั้งรถของอิฉัน ก็โดนยึดไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ไม่รู้เวรกรรมอะไรหนักหนาที่มาเกิดกับอิฉันนะคะหลวงพ่อ" จากนั้นเธอก็เริ่มร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่

หลวงพ่อนิ่งฟัง และปล่อยให้สีกาคนนั้นร้องให้ไปพักใหญ่ จึงเอ่ยขึ้นว่า...
"ทุกข์ของวันนี้ ก็มากพอแล้วนะลูก... ทำไมเจ้าต้องเอา ทุกข์ของเมื่อวานนี้ มาทุกข์วันนี้อีกเล่า เมื่อวานนี้เจ้าก็ทุกข์ไปแล้วไม่ใช่หรือ?"

"ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ อิฉันไม่เข้าใจเจ้าค่ะ" สีกาถามด้วยความสงสัย
"อ้าว! ก็เมื่อตอนที่สามีเจ้าตายไปน่ะ เจ้าเสียใจทุกข์ใจไหมล่ะ?"
"ทุกข์ซิเจ้าคะ ทุกข์เหลือเกินเลย" เธอตอบ
"แล้วตอนที่ถูกเพื่อนๆเขาโกงเอาธุรกิจไปล่ะ เจ้าทุกข์หรือยัง"
"ทุกข์แล้วเจ้าค่ะ ก็เราเสียของๆเราไปนี่เจ้าคะ"
"งั้นตอนที่เขามายึดบ้าน ยึดรถไปล่ะ เจ้าทุกข์หรือเปล่า?"
"ทุกข์เจ้าค่ะ บ้านที่เคยอยู่ รถที่เคยใช้ จะไม่ทุกข์ได้อย่างไรคะ"
หลวงพ่อจึงเอ่ยต่อไปว่า
"สรุปว่า เจ้าได้ทุกข์ไปแล้วนะ ทุกข์มากเสียด้วย จริงไหม?"
"จริงเจ้าค่ะ ทุกข์มากเหลือเกินเจ้าค่ะ"

เมื่อสีกายอมรับ หลวงพ่อจึงพูดว่า
"ลูกเอ๋ย 'ทุกข์ของวันนี้' ก็มากพอแล้วนะลูก อย่าเอา 'ทุกข์ของเมื่อวานนี้' มาทุกข์วันนี้ซ้ำอีก เพราะเมื่อวานเจ้าก็ได้ทุกข์อย่างสาหัสไปแล้วนะลูก"

สีกาก้มกราบหลวงพ่อ แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า
"แต่ท่านเจ้าขา... จะไม่ให้อิฉันทุกข์ได้อย่างไรเจ้าคะ เพราะ 'วันพรุ่งนี้' อิฉันยังไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรเลย จะเจออะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือเปล่า ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปเลยค่ะ"

หลวงพ่อจึงตอบอีกว่า...
"ลูกเอ๋ย...ทุกข์ของวันนี้ ก็มากพอแล้วนะลูก... ทำไมเจ้าต้องเอา ทุกข์ของวันพรุ่งนี้ มาทุกข์วันนี้ก่อนเล่า พรุ่งนี้ค่อยทุกข์ก็ยังทันอยู่ไม่ใช่หรือ?"

"ใช่เจ้าค่ะ แต่เดี๋ยวพอฟ้าสว่างวันพรุ่งนี้ก็มาถึงแล้วนะเจ้าคะ วันเวลามันเร็วเหลือเกินเจ้าค่ะ อิฉันกังวลใจจริงๆ เป็นห่วงก็แต่ลูกๆล่ะเจ้าค่ะ เขายังเล็กนัก" สีกาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล
หลวงพ่อจึงกล่าวว่า "ลูกเอ๋ย... ชีวิตของเรา จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้เลย ถ้าพรุ่งนี้ ไม่ได้ตื่นขึ้นมา ก็คงไม่ต้องทุกข์อะไรต่อไปอีก แต่ถ้าพรุ่งนี้ได้ตื่นขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ เพราะเจ้าจะได้มีโอกาสทำหน้าที่ของ 'แม่' อีกครั้งหนึ่ง จริงไหม?"
"เจ้าค่ะ" เธอตอบเบาๆ

หลวงพ่อจึงสอนว่า
"จำไว้นะลูก...ทุกข์ของวันนี้ ก็มากพอแล้ว... เจ้าต้องไม่เอา ทุกข์ของเมื่อวานนี้ มาทุกข์วันนี้อีก ทั้งนี้ก็เพราะ เจ้าได้ทุกข์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันวาน และเจ้าต้องไม่เอา ทุกข์ของวันพรุ่งนี้ มาทุกข์เสียก่อนในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เจ้าค่อยทุกข์ก็ยังไม่ช้าเกินไป
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ.... วันพรุ่งนี้ จะดีหรือจะร้าย ก็ไม่มีใครรู้ หรอกลูก อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิดก็ได้...จริงไหม?"


ทุกข์ของวันนี้ก็มากพอแล้ว

ผมขอจบหนังสือของผมด้วยเรื่องๆนี้นะครับ เพื่อจะได้ถือเป็นศิริมงคลกับผมด้วย เพราะผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากการฟังคำเทศนาของ พระภิกษุสงฆ์ที่ผมเคารพนับถือที่สุดท่านหนึ่ง นั่นคือ ท่านอาจารย์ปัญญานันทภิกขุ ครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราเห็นความจริงที่ว่า ทุกสิ่งในโลกนี้มี เกิดขึ้นและดับไป ไม่มีสิ่งใดที่เป็น ตัวกู ของกู อย่างแท้จริง และสอนให้เรารู้จักการ “ปล่อยวาง”

ผมเชื่อว่า เรื่องที่ผมเขียนขึ้นเรื่องนี้ จะทำให้ทุกท่านพบกับ วิธีการดับทุกข์ที่เร้ารุมจิตใจอยู่ในเวลานี้ได้บ้าง เพื่อที่ทุกท่านจะได้พบกับ ความสุขที่แท้จริง คือ จิตที่ สะอาด สว่าง สงบ นั่นเอง

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับชีวิตในวันนี้นะครับ


1 ความคิดเห็น:

  1. อย่าลืมช่วย Vote ความเห็นเกี่ยวกับ หนังสือเล่มนี้ด้วยนะครับ

    ตอบลบ